พูดคุย สอบถาม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวัตุมงคลกับแฟนเพจ "ห้องพระ"
วัตถุมงคลจาก "ห้องพระ"
การอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่
ท่านจะมีความพิถีพิถันมาก คือ ท่านจะตั้งใจในการทำงาน เพราะท่านบอกว่าเป็นการสร้างบุญ ผู้เขียนเคยเห็นท่านใช้ดินสอพองในกรณีเป็นองค์พระหรือเทียนไข ถ้าเป็นรูปภาพท่านจะเขียนอยู่สามวงจึงเรียนถามว่าเขียนเพื่ออะไร ท่านเฉลยว่า รูปองค์พระ ถ้าไม่มีบารมีนามธรรมไปสถิตอยู่ ก็เหมือนตุ๊กตา คือมีรูป แต่ไม่มีนามพูดง่ายๆ คือ ไม่มีพลัง ดังนั้น อันดับแรกคือการตั้งองค์พระ ดังภาพ
๑. สีสะพุทธาปานะชายะเต
๒. องคะพุทธาปานะชายะเต
๓. ปาทาพุทธาปานะชายะเต
มีความหมายว่า ขอจงมาบังเกิดเป็นส่วนเศียร องค์ และพระบาทของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้น จึงตั้งอาการ ๓๒ แล้วจึงอธิษฐานแต่งองค์ มีการใส่สบง จีวร สังฆาฏิ รัดประคดอก และเอว เป็นต้น แล้วจึงอธิษฐานเป็นพระมหาจักรพรรดิ์
บทสวดมนต์ที่ท่านใช้ เคยเรียนถาม ที่สำคัญคือ บทสัมพุทเธ ซึ่งอาราธนาพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนล้านๆ องค์ บทมงคลจักรวาฬใหญ่ เป็นต้น สุดท้าย ท่านจึงอธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าให้ประสิทธิ
เหล่านี้เป็นเพียงย่นย่อพอสังเขป ผู้เขียนเป็นพวกครูพักลักจำ คอยสังเกต แล้วจึงมาเรียนถาม ท่านก็เมตตาตอบทุกครั้ง สุดท้ายท่านให้ข้อคิดว่า
"การปลุกเสกหรืออธิษฐานโดยพระพุทธเจ้านั้นว่าวิเศษที่สุด ของจะดีหรือไม่ อยู่ที่ผู้ทำพลังจิตดี พระพุทธเจ้าปลุกเสกจริง วัตถุจะมีรูปนามเป็นแสงสว่างแห่งฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) เทวดาจึงจะมารักษา ผู้ที่นำมาใช้ก็ต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม จึงเกิดความสัมฤทธิ์ผล ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ สุดท้ายเขาจะเป็นองค์พระไปในที่สุด ไม่ต้องอาศัยวัตถุมงคลแล้ว เพราะจิตท่านเหล่านั้น มีแสงสว่างในตัวเอง"
ทำให้ผู้เขียนนึกถึงดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นดาวฤกษ์แล้วย่อมส่องสว่างไปถึงบุคคลอื่นๆ ได้ เป็นอัปมาโน
พุทโธ อัปมาโน
ธัมโม อัปมาโน
สังโฆ อัปมาโน
คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่สามารถวัดปริมาณได้
ที่มา : ร่มเงาพุทธฉัตร
ผู้เขียน : อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์
คัดลอกจาก watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,10.0.html
วัตถุมงคลจาก "ห้องพระ"
การอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่
ท่านจะมีความพิถีพิถันมาก คือ ท่านจะตั้งใจในการทำงาน เพราะท่านบอกว่าเป็นการสร้างบุญ ผู้เขียนเคยเห็นท่านใช้ดินสอพองในกรณีเป็นองค์พระหรือเทียนไข ถ้าเป็นรูปภาพท่านจะเขียนอยู่สามวงจึงเรียนถามว่าเขียนเพื่ออะไร ท่านเฉลยว่า รูปองค์พระ ถ้าไม่มีบารมีนามธรรมไปสถิตอยู่ ก็เหมือนตุ๊กตา คือมีรูป แต่ไม่มีนามพูดง่ายๆ คือ ไม่มีพลัง ดังนั้น อันดับแรกคือการตั้งองค์พระ ดังภาพ
๑. สีสะพุทธาปานะชายะเต
๒. องคะพุทธาปานะชายะเต
๓. ปาทาพุทธาปานะชายะเต
มีความหมายว่า ขอจงมาบังเกิดเป็นส่วนเศียร องค์ และพระบาทของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้น จึงตั้งอาการ ๓๒ แล้วจึงอธิษฐานแต่งองค์ มีการใส่สบง จีวร สังฆาฏิ รัดประคดอก และเอว เป็นต้น แล้วจึงอธิษฐานเป็นพระมหาจักรพรรดิ์
บทสวดมนต์ที่ท่านใช้ เคยเรียนถาม ที่สำคัญคือ บทสัมพุทเธ ซึ่งอาราธนาพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนล้านๆ องค์ บทมงคลจักรวาฬใหญ่ เป็นต้น สุดท้าย ท่านจึงอธิษฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าให้ประสิทธิ
เหล่านี้เป็นเพียงย่นย่อพอสังเขป ผู้เขียนเป็นพวกครูพักลักจำ คอยสังเกต แล้วจึงมาเรียนถาม ท่านก็เมตตาตอบทุกครั้ง สุดท้ายท่านให้ข้อคิดว่า
"การปลุกเสกหรืออธิษฐานโดยพระพุทธเจ้านั้นว่าวิเศษที่สุด ของจะดีหรือไม่ อยู่ที่ผู้ทำพลังจิตดี พระพุทธเจ้าปลุกเสกจริง วัตถุจะมีรูปนามเป็นแสงสว่างแห่งฉัพพรรณรังสี (รัศมี ๖ ประการ) เทวดาจึงจะมารักษา ผู้ที่นำมาใช้ก็ต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม จึงเกิดความสัมฤทธิ์ผล ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ สุดท้ายเขาจะเป็นองค์พระไปในที่สุด ไม่ต้องอาศัยวัตถุมงคลแล้ว เพราะจิตท่านเหล่านั้น มีแสงสว่างในตัวเอง"
ทำให้ผู้เขียนนึกถึงดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นดาวฤกษ์แล้วย่อมส่องสว่างไปถึงบุคคลอื่นๆ ได้ เป็นอัปมาโน
พุทโธ อัปมาโน
ธัมโม อัปมาโน
สังโฆ อัปมาโน
คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่สามารถวัดปริมาณได้
ที่มา : ร่มเงาพุทธฉัตร
ผู้เขียน : อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์
คัดลอกจาก watthummuangna.com/home/community/index.php/topic,10.0.html
![]() |
หลวงปู่ดู่ วัดสะแก |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น